ทำไมอากาศเย็นถึงทำให้ปวดข้อ กระดูก และวิธีป้องกันรักษา

ทำไมอากาศเย็นถึงทำให้ปวดข้อ กระดูก และวิธีป้องกันรักษา     ท้องฟ้าใสสีคราม เริ่มเข้าหน้าหนาวกันแล้วนะครับ แต่สำหรับบางท่านอากาศหนาวอาจมาพร้อมกับอาการปวดข้อ ปวดกระดูก ได้นะครับ แล้วทำไมอาการหนาวเย็นถึงทำให้ปวดข้อ กระดูก มีทฤษฎีอยู่ว่าจริง ๆ แล้วอากาศเย็นไม่ได้ส่งผลอะไรเลยครับ แต่เป็นความดันอากาศต่างหากที่ส่งผล เมื่ออากาศเย็นลงจะทำให้ความดันอากาศลดต่ำลงทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ ข้อขยาย ส่งผลให้เกิดอาการปวดได้ครับ วิธีป้องกันรักษา พยายามรักษาความอบอุ่นของร่างกายตลอดเวลา โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา ป้องกันอากาศหนาว พยายามลดบวม โดยการใส่ที่รัดข้อหรือพยุงข้อ ขยับข้อต่อให้เคลื่อนไหวได้ดี ก่อนที่จะออกไปสัมผัสอากาศหนาว ประคบข้อหรือกระดูกด้วยน้ำอุ่น ปรับยาแก้ปวด หากมีอาการปวดมาก อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

กระดูกพรุน….ยากระตุ้นการสร้างกระดูก

กระดูกพรุน….ยากระตุ้นการสร้างกระดูก     ปวดหลัง…ตัวเตี้ยลง…เคยมีกระดูกหัก…อายุมาก อาจเป็นโรคกระดูกพรุนครับ กระดูกพรุนเป็นปัญหาระดับโลกที่ทางองค์การอนามัยโลกจัดว่าสำคัญเป็นอันดับสองรองจากโรคหลอดเลือด ท่านทราบหรือไม่ครับว่าในปัจจุบัน มีการรักษาโรคกระดูกพรุนรุนแรงโดยการใช้ยาฉีดกระตุ้นการสร้างกระดูกแล้วนะครับ     โรคกระดูกพรุน เกิดขึ้นจากการที่กระดูกมีการสูญเสียมวลกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก ซึ่งนำไปสู่การเกิดกระดูกหักและอาการปวดเกิดขึ้น แนวทางในการรักษาในปัจจุบันมีอยู่หลายอย่างครับ การได้รับสารอาหารที่เหมาะสมเพียงพอ โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามิน ดี การดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมต่อสุขภาพที่ดี การป้องกันการล้ม ยาต้านการสลายกระดูก เช่น ยา bisphosphonate, raloxifene, denosumab และ strontium ยากระตุ้นการสร้างกระดูก คือ ยา teriparatide ยากระตุ้นการสร้างกระดูก (Bone forming agent)     ในปัจจุบันมีอยู่เพียงตัวเดียวซึ่งเรียกว่า teriparatide มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างกระดูกผ่านการปรับระบบฮอร์โมนของร่างกาย โดยวิธีใช้จะต้องฉีดเข้าทางใต้ผิวหนังทุกวัน จากการศึกษาพบว่าสามารถกระตุ้นการเพิ่มมวลกระดูกได้มาก ลดอาการปวดหลัง และป้องกันการเกิดกระดูกหักได้ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นกระดูกพรุนรุนแรง เนื่องจากยามีราคาค่อนข้างแพงครับ หากผู้ป่วยยังไม่ได้เป็นกระดูกพรุนรุนแรงจึงน่าจะจะเหมาะกับการใช้ยาตัวอื่นมากกว่าครับ ซึ่งยังคงมียารักษากระดูกพรุนอีกมากมายในประเทศไทยครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

อัลตร้าซาวด์ นวัตกรรมใหม่ใช้ตรวจโรคข้อเสื่อม

อัลตร้าซาวด์ นวัตกรรมใหม่ใช้ตรวจโรคข้อเสื่อม     มีเสียงดังในข้อ ปวดข้อ ข้อบวม คุณอาจเป็นโรคข้อเสื่อม การใช้อัลตร้าซาวด์ความถี่สูงสามารถตรวจพบโรคข้อเสื่อมได้ไวกว่าการใช้ x-ray, ไม่ต้องโดนรังสี, ราคาไม่แพง สามารถทำให้คุณป้องกันโรคก่อนที่จะเป็นมากได้     คุณเคยไหมครับเวลามีอาการปวดตามข้อแล้วผล x-ray ปกติ ไม่เจออะไรเลย อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าหมอไม่เก่งหรือตรวจไม่ถูก อาจเป็นเพราะว่าเครื่องมือที่ใช้ตรวจนั้นไม่ไวพอที่จะตรวจโรคในระยะแรกเริ่มได้ครับ     เครื่องมือที่ใช้ในการช่วยวินิจฉัยโรคข้อเสื่อมของแพทย์ที่ใช้กันมานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คือเครื่อง x-ray ครับ ซึ่งพบว่ามีประโยชน์นะครับ แต่ต้องโดนรังสี และจะมองเห็นก็ต่อเมื่อโรคดำเนินไปมากพอสมควรแล้วครับ เครื่องอัลตร้าซาวด์     อัลตร้าซาวด์ที่นำมาใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคข้อเสื่อม จะเป็นอัลตร้าซาวด์ความถี่สูงที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคกลุ่มกระดูก เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อครับ ซึ่งจะแตกต่างกับอัลตราซาวด์ที่ใช้ในการดูทารกในครรภ์หรือใช้ในช่องท้องอยู่พอสมควรครับ แต่อาศัยหลักการเดียวกันคือใช้คลื่นเสียงครับ ดังนั้นผู้ตรวจและผู้ที่ได้รับการตรวจจะไม่มีการได้รับรังสีแต่อย่างใดครับ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยมากครับ โดยสามารถมองเห็นกระดูกงอกชิ้นเล็ก ๆ ขนาดเพียงไม่ถึงมิลลิเมตรได้ครับ เห็นเยื่อบุข้อที่อักเสบชัดเจน รวมถึงน้ำที่อยู่ในข้อครับ สามารถตรวจได้รอบข้อ ซึ่งข้อมูลที่พบจากอัลตร้าซาวด์มักเกี่ยวข้องกับอาการที่แสดงของผู้ป่วย สามารถใช้ช่วยระบุตำแหน่งที่จะฉีดยาได้แม่นยำ  แต่ข้อเสียของการตรวจอัลตร้าซาวด์ืคือความแม่นยำในการวินิจฉัยจะขึ้นอยู่กับความชำนาญของผู้ตรวจครับ ต่างกับการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ที่สามารถตรวจวินิจฉัยได้ดีมากเช่นกันโดยที่ไม่ต้องได้รับรังสี แต่มีราคาแพง และไม่ได้มีอยู่ทั่วไปครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

เสียงดังในเข่า…..เข่าพยายามจะบอกอะไรกับคุณ ?

เสียงดังในเข่า…..เข่าพยายามจะบอกอะไรกับคุณ ?     เสียงดัง “กรอบแกรบ”  “ป๊อบ” หรือ “ครืด” ที่มักจะเกิดขึ้นเวลาเรางอเข่า เดินขึ้นลงบันได หรือนั่งกับพื้นแล้วลุกยืน แล้วเสียงที่เกิดขึ้นมันอันตรายหรือปล่าวนะ หรือว่าเป็นปกติ เสียงดังในเข่าเกิดจากอะไรได้บ้างนะ ?     เสียงดังในข้ออาจเกิดจากการสะสมของแก๊สรอบ ๆ ข้อแล้วก่อตัวเกิดเป็นฟองแก๊สในน้ำเลี้ยงข้อ เมื่อเวลาเรางอข้อเข่าทำให้ฟองแก๊สที่รวมตัวกันแตกออกจนเกิดเป็นเสียงดังในข้อเข่า และอาจทำให้เอ็นรอบข้อมีการเคลื่อนจนเกิดเสียงหรือสามารถรู้สึกได้ ซึ่งภาวะแก๊สในข้อสามารถเกิดได้เป็นปกติกับทุก ๆ คนครับ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ กระดูกอ่อนบาดเจ็บ ข้อเข่าเสื่อม และหมอนรองกระดูกฉีกขาด ผมจะอธิบายทีละโรคนะครับ 1. กระดูกอ่อนบาดเจ็บ     ภาวะกระดูกอ่อนบาดเจ็บอาจเกิดได้จากเข่าได้รับอุบัติเหตุ โรคของกระดูกอ่อนเอง การออกกำลังกายโดยใช้ข้อเข่าที่ผิดวิธี โดยกระดูกอ่อนผิวข้อมีความสำคัญอย่างยิ่งเลยครับในการใช้งานของข้อเข่า หากมีปัญหาแล้วจะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ลำบากขึ้นครับ เวลาใช้งานของเข่าก็จะเกิดเสียงดังในข้อเข่าได้ครับ 2. ข้อเข่าเสื่อม     โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเสียงดังในข้อ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้จะมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับกระดูกอ่อนโดยตรงเลยครับ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยอายุที่มากขึ้น หรือจากข้ออักเสบรูมาตอยด์ นอกจากจะมีเสียงดังในข้อแล้วโรคนี้จะทำให้เกิดอาการปวดในข้อด้วยครับ 1. หมอนรองกระดูกฉีกขาด     ภาวะหมอนรองกระดูกฉีกขาด มักเกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นกีฬา อุบัติเหตุจราจร ล้ม เข่าบิด ล้วนแล้วแต่จะทำให้หมอนรองกระดูกมีโอกาสฉีกขาดได้ครับ หากเกิดภาวะหมอนรองกระดูกเข่าฉีกขาดเวลาขยับข้อเข่าก็มีโอกาสจะเกิดเสียงดังในข้อเข่าได้ครับ อีกทั้งอาจทำให้เกิดเข่าล็อคขยับได้ยากหรือปวดได้ครับ แล้วเมื่อไรเราถึงต้องกังวลเกี่ยวกับเสียงในเข่ากันนะ ? เมื่อเสียงดังที่เกิดขึ้นในเข่า แล้วมีอาการปวดหรือบวมของข้อเข่าร่วมด้วยครับ เพราะหากมีอาการปวดเกิดขึ้นแล้วมักจะบ่งบอกถึงว่ามีความผิดปกติในเข่า สาเหตุใดสาเหตุหนึ่งครับ เราจะใช้วิธีอะไรรักษาเสียงดังในเข่าได้บ้างนะ ?     วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุนะครับ ถ้าเป็นจากข้อเสื่อมอาจต้องใช้วิธีบริหารข้อเข่า ทานยาบำรุงข้อ ใช้ที่พยุงข้อ ฉีดยา ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม ผ่าตัดหากรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล หากเป็นหมอนรองกระดูกฉีกขาด อาจใช้วิธีบริหารข้อเข่า ฉีดยา หากเป็นมากอาจต้องผ่าตัดส่องกล้องครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

ยาฉีดสเตียรอยด์น่ากลัวจริงหรือ ?

ยาฉีดสเตียรอยด์น่ากลัวจริงหรือ ?     ผมมักได้ยินผู้คนพูดถึงยาสเตียรอยด์อยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่มักจะกลัวกันครับ กลัวว่าจะถูกฉีดยาสเตียรอยด์แล้ว…. กลัวว่ายาสเตียรอยด์เป็นสารเคมี กลัวว่าจะทำให้กระดูกอ่อนเสื่อม กลัวว่าจะทำให้เส้นเอ็นขาด กลัวปวด กลัวอ้วน บวม     แต่จริง ๆ แล้วยาฉีดสเตียรอยด์น่ากลัวอย่างที่เราคิดกันจริง ๆ หรือปล่าว เรามาหาคำตอบกันนะครับ ยาสเตียรอยด์     สารสเตียรอยด์เป็นฮอร์โมนที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ตามปกตินี่แหละครับ แต่ที่เรานำมาใช้เป็นยานั้นเป็นการสังเคราะห์ขึ้นมา เราจะเรียกว่าสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) ยาสเตียรอยด์มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบได้ดีมาก ๆ เลยครับ โดยที่ยามีทั้งในรูปแบบ ยาทาน ยาฉีด ยาทา ยาพ่น ยาหยอดตา ใช้รักษาโรคได้หลากหลายเลยครับ (บางท่านอาจไม่รู้ตัวนะครับว่าท่านได้ยาสเตียรอยด์อยู่) ซึ่งหากสั่งโดยแพทย์อย่างเหมาะสมแล้ว ยาสเตียรอยด์สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดีมาก ๆ เนื่องจากเป็นยาลดการอักเสบที่ดีมาก ๆ แต่ในบทความนี้เราจะพูดถึงแต่ยาฉีดสเตียรอยด์นะครับ เนื่องจากเป็นยาฉีดที่ใช้รักษาโรคทางกระดูกและข้อจำนวนมาก ยาฉีดสเตียรอยด์ใช้รักษาโรคทางกระดูกและข้ออะไรบ้าง ? ข้อเข่าเสื่อม ถุงน้ำอักเสบ เอ็นอักเสบ พังผืดกล้ามเนื้อ นิ้วล็อค พังผืดกดเส้นประสาทมือ เอ็นไหล่อักเสบ ไหล่ติด หมอนรองกระดูก กระดูกทับเส้นประสาท บทความ กระดูก หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท»     จะเห็นว่ายาฉีดสเตียรอยด์สามารถใช้ได้กับโรคจำนวนมากทางกระดูกและข้อเลยนะครับ แล้วทำไมถึงนิยมใช้กันมาก และรักษาโรคได้มากมายหละ แล้วทำไมหมอบางท่านหรือคนไข้ถึงมีความกลัวยาตัวนี้มาก ผมได้สรุปข้อดีกับข้อเสียของยาไว้ในตารางครับ     โดยสรุปแล้วยาฉีดสเตียรอยด์นั้นมีประโยชน์อย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามหากใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช่บ่อยมากจนเกินไปอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

หลักการลดปวดบวมเบื้องต้น RICE

หลักการลดปวดบวมเบื้องต้น RICE     โดยปกติแล้วหลักการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการบาดเจ็บทางกระดูกและข้อเบื้องต้น ที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนแพทย์และนักเรียนแพทย์มานาน รวมถึงตัวผมเองและได้ถ่ายทอดไปยังแพทย์รุ่นต่อไป ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากและจดจำได้ง่าย ช่วยลดอาการปวดบวมก่อนที่จะมาพบแพทย์ได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะ 24-48 ชั่วโมงแรก ก็คือหลัก RICE ย่อมาจาก R : Rest  I : Ice  C : Compression  E : Elevation เรามาลงรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละตัวกันซักเล็กน้อยนะครับ R : Rest การพัก     การพักใช้งานของอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บเป็นสิ่งแรกที่ควรทำเพื่อลดอาการปวดบวมเลยครับ ลดการออกกำลังกายตามปกติลง ลดการประกอบกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ หากบาดเจ็บที่ขา เข่า หรือข้อเท้า ก็ไม่ควรลงน้ำหนักที่เท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บครับ โดยเราอาจจะใช้ไม้เท้ามาช่วยพยุงไว้ก็ได้นะครับ I : Ice ประคบเย็น     การประคบน้ำแข็งหรือประคบเย็นช่วยได้อย่างมากที่เดียว จะใช้อะไรก็ได้นะครับ แผ่นประคบสำเร็จรูป น้ำแข็งในถุงพลาสติกทุบให้เป็นก้อนหยาบ ๆ แล้วห่อด้วยผ้า และอีกอย่างหนึ่งที่ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยนึกถึงก็คือ สิ่งที่แช่ในช่องแช่แข็งในตู้เย็น เช่น ข้าวโพดแช่แข็ง ก็เอามาใช้ได้นะครับ โดยวิธีใช้ก็คือประคบบริเวณที่บาดเจ็บ ครั้งละ 20 นาที วันละ 4-8 ครั้ง บทความเมื่อไรควรประคบร้อนหรือเย็น » C : Compression     การพันหรือกดบีบ พอแปลเป็นภาษาไทยแล้วเข้าใจยากทีเดียวใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วการทำ compression สามารถทำได้ง่าย ๆ เลยโดยการพันผ้ายืด (elastic bandage) รอบแขน ขา เข่า หรือข้อเท้า เพื่อเป็นการลดปวดบวม หรือใช้อุปกรณ์สำเร็จรูปเช่น รองเท้าบูทเข้ารูป (special boot, air cast) โดยเราไม่ควรพันแน่นมากจนเกินไปและไม่หลวมจนเกินไปครับ หลักการพักควรจะเริ่มจากส่วนปลายมาจนถึงส่วนต้นนะครับ E : Elevation     การยกสูง หลังได้รับบาดเจ็บเราควรยกแขน ขา หรือข้อเท้าที่ได้รับการบาดเจ็บสูงเหนือหัวใจประมาณ 10 เซนติเมตรครับ จะใช้หมอนรองก็ได้นะครับ จะช่วยลดอาการปวดบวมเช่นเดียวกันครับ     ไม่ยากเลยใช่ไหมครับทุกคนสามารถทำได้เอง แล้วยังสามารถช่วยเหลือคนอื่น ๆ รอบตัวเองได้อีกด้วยครับ หลักการนี้ผมเน้นย้ำกับนักศึกษาที่มาเรียนกับผมอยู่เป็นประจำเพื่อในไปใช้กับผู้ป่วยและสอนรุ่นน้อง ๆ ต่อไปครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

หลังค่อมหรือตัวเตี้ยลง เกิดเป็นปกติในผู้สูงอายุจริงหรือ ?

หลังค่อมหรือตัวเตี้ยลง เกิดเป็นปกติในผู้สูงอายุจริงหรือ ?     ผมตรวจผู้ป่วยผู้สูงอายุที่ห้องกระดูก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่(สวนดอก) มักจะเจอคำถามนี้อยู่เป็นประจำเลยครับ คุณยายหลังค่อม พ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ที่บ้านหลังค่อมตัวเตี้ยลง หรือบางทีเราไปที่วัดจะเห็นผู้สูงอายุเดินหลังค่อมกันเต็มไปหมด ส่วนใหญ่แล้วเราจะเข้าใจว่าเป็นปกติ อายุมากขึ้นก็เป็นอย่างนี้แหละ แล้วจริง ๆ มันเป็นอย่างนั้นหรือปล่าวครับ มาหาคำตอบกันนะครับ หลังค่อมหรือตัวเตี้ยลงเกิดจากอะไร     ปกติโดยธรรมชาติแล้วเมื่อเราโตถึงช่วงวัยรุ่นแล้วความสูงของมนุษย์จะอยู่ในจุดที่สูงที่สุด แล้วจะไม่มีการลดลงอีกหากไม่เกิดปัญหา ดังนั้นปัญหาที่เกิดคืออะไรกันหละ     1. ระดูกสันหลังยุบหรือหัก          กระดูกสันหลังหักอาจเกิดจากอุบัติเหตุ ล้ม กระแทก ฯลฯ ส่วนกระดูกสันหลังยุบอาจเกิดจากภาวะกระดูกพรุนแล้วทำให้กระดูกสันหลังยุบไปเอง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจไม่รู้ตัวว่ามีกระดูกยุบไปแล้วหรือบางรายมีอาการเจ็บเล็กน้อยจนไม่ได้มาหาหมอ พอรู้ตัวอีกทีก็มีอาการมากหรือตัวเตี้ยลงไปมาก ทำให้มีอาการเจ็บปวดกระดูก     2. หมอนรองกระดูกทรุดหรือเสื่อม          หมอนรองกระดูกโดยตามธรรมชาติแล้วจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 20 ปลาย ๆ นะครับ(หลายคนคงคิดว่าทำไมเร็วจัง) ยิ่งอายุมากขึ้นกระบวนการเสื่อมก็จะเพิ่มมากขึ้น หมอนรองกระดูกทรุดหรือเสื่อมก็อาจทำให้เกิดหลังค่อมได้ครับ แต่จะทำให้ตัวเตี้ยลงไม่มาก ยกเว้นจะทรุดทุกตัวและทรุดมาก ๆ เท่านั้นแหละครับ     3. สาเหตุอื่น ๆ          พบได้ไม่บ่อยนะครับว่าจะเกิดจาก มะเร็งกระดูก หรือกระดูกติดเชื้อ เมื่อไรต้องมาพบแพทย์เมื่อเกิดหลังค่อมหรือตัวเตี้ยลง ถ้าเราไม่แน่ใจว่าหลังค่อมนั้นเกิดจากอะไร มีอาการปวดร่วมด้วย มีอาการปวดร้าวลงขาหรือชา ตัวเตี้ยลงกว่าสมัยหนุ่มสาวมาก แล้วทำไมต้องมาพบแพทย์ด้วยหละ     ก็เพราะว่าหากเราเป็นโรคกระดูกพรุนแล้วไม่ได้ทำการรักษาจะทำให้มีโอกาสเกิดกระดูกสันหลังหักเพิ่มมากขึ้น มีโอกาสเกิดกระดูกสะโพกหักเพิ่มมากขึ้น กระดูกส่วนอื่น ๆ ของร่างการหักง่ายมากขึ้น และเมื่อมีกระดูกหักแล้วจะทำให้อัตราการตายเพิ่มมากขึ้นอย่างหลายเท่าตัวเลยครับ สรุป     หากเราเจอผู้สูงอายุที่บ้านเดินแล้วหลังค่อม ตัวเตี้ยลงอย่างชัดเจน อาจพบภาวะกระดูกพรุนหรือหมอนรองกระดูกเสื่อมก็ได้นะครับ เดินหลังค่อมไม่ได้เกิดในผู้สูงอายุทุกรายหรือเป็นปกติอยู่แล้วนะครับ หากเราไม่แน่ใจควรพามาพบแพทย์ครับ ผู้สูงอายุเป็นวัยที่คนหนุ่มสาวต้องช่วยกันดูแลท่านให้ดีที่สุดครับ อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

แคลเซียมเสริมชนิดไหนดีที่สุดกันนะ ?

แคลเซียมเสริมชนิดไหนดีที่สุดกันนะ ? ในปัจจุบันบ้านเรามีแคลเซียมเสริมให้เลือกรับประทานกันหลายชนิดอย่างมากมายเลยใช่ไหมครับ ทำให้เรามีความสบสนว่าควรจะเลือกรับประทานแบบไหนดีแล้วมันเพียงพอต่อความต้องการของเราหรือปล่าว ผมจะขอกล่าวถึงชนิดของแคลเซียมที่มีอยู่ในท้องตลาดเป็นกลุ่ม ๆ นะครับ โดยแคลเซียมนั้นเป็นแร่ธาตุซึ่งต้องจับกับสารประกอบถึงจะอยู่คงตัวได้ โดยจะแบ่งชนิดของแคลเซียมตามสารประกอบที่อยู่คู่กับแคลเซียมนะครับ แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมซีเตรต แคลเซียมกลูโคเนต แคลเซียมกับกลุ่มอื่นๆ แคลเซียมเสริมมีให้เลือกมากมายแล้วชนิดไหนที่ดีที่สุดหละ ? นอกเหนือจากชนิดของแคลเซียมที่ได้กล่าวมาแล้วปริมาณแร่ธาตุแคลเซียมที่มีอยู่ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกันนะครับ คุณเคยลองดูที่ฉลากยาแคลเซียมเสริมที่รับประทานกันบ้างหรือปล่าวครับ โดยทั่วไปแล้วโรงงานผู้ผลิตยาหรืออาหารเสริมแคลเซียมมักจะมีการระบุปริมาณของแร่ธาตุแคลเซียมไว้ข้างกล่องยาอยู่แล้วนะครับหรือบางโรงงานอาจระบุแคลเซียมเป็นน้ำหนัก โดยที่แคลเซียมคาร์บอเนต เป็นชนิดของแคลเซียมเสริมที่มีความเข้มข้นของแร่ธาตุแคลเซียมมากที่สุด (ประมาณ 40 % ของน้ำหนัก) รองลงมาก็คือ แคลเซียมซีเตรต (ประมาณ 20 %ของน้ำหนัก) แล้วแคลเซียมที่มาจากเปลือกหอยนางรมหละ ? รูปแบบของแคลเซียมบางอย่างนั้นพบว่ามีพิษซึ่งมีการพิสูจน์พบสารตะกั่ว โดยแหล่งของแคลเซียมที่พบว่ามีสารตะกั่วก็คือแคลเซียมที่มาจาก เปลือกหอยนางรม โดโลไมท์ กระดูกป่น ดังนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยงแคลเซียมเสริมที่มาจากแหล่งเหล่านี้นะครับ ที่สำคัญอีกประการคือแคลเซียมที่เราทานจะดูดซึมได้ดีเมื่อไร่ ? อาหารที่ทาน แคลเซียมแต่ละชนิดก็มีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน แคลเซียมคาร์บอเนตควรจะทานร่วมกับอาหาร ส่วนแคลเซียมซีเตรตควรรับประทานเมื่อท้องว่าง ยา แคลเซียมไม่ควรรับประทานร่วมกับยาบางกลุ่ม คือ ยาฆ่าเชื้อ ยาบำรุงเลือด และอื่น ๆ โดยแคลเซียมจะไปจับกับยาที่ทานเข้าไปแล้วไม่ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างเต็มที่ วิตามิน ดี แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อทานคู่กับวิตามินดีครับ ดังนั้นแคลเซียมเสริมบางยี่ห้อจึงนิยมรวมวิตามินดีกับแคลเซียมไว้ในเม็ดเดียวกัน ทำให้รับประทานได้สะดวกและง่ายขึ้นครับ ขนาดยาแคลเซียม เราควรรับประทานแคลเซียมโดยแบ่งเป็นสองหรือสามครั้งต่อวันแทนที่จะทานครั้งเดียวทั้งหมด เพื่อช่วยการดูดซึม

กระดูกสันหลังเสื่อม รักษาให้หายได้หรือไม่

กระดูกสันหลังเสื่อม รักษาให้หายได้หรือไม่     หลายคนคงจะเคยได้ยินนะครับว่า โรคกระดูกสันหลังเสื่อมเกิดตอนอายุมากรักษายังไงก็ไม่หาย ให้ทำใจ แต่จริง ๆ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 30 กว่า ๆ โดยที่อาการที่เกิดจากโรคนี้เราสามารถบรรเทาให้ลดลงได้และชะลอไม่ให้โรคนี้เป็นมากขึ้นได้นะครับ โดยไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด     หมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งเป็นส่วนประกอบของโครงร่างกระดูกสันหลังจะเริ่มเสื่อมตั้งแต่อายุ 20 กว่า ๆ และเสื่อมไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานอายุ 30 – 40 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดคือ น้ำหนักตัวมาก ทำงานที่ต้องนั่งหรือยืนนาน ๆ ทำงานที่ต้องแบกของหนัก สูบบุหรี่มาก นอกจากนั้นในผู้ที่อายุมากขึ้นกระดูกสันหลังที่เสื่อมลง จะมีการงอกเนื่องจากมีแคลเซียมมาเกาะ จนบางครั้งหมอนรองกระดูกที่ยุบตัวลง หรือกระดูกที่งอกเกิดการทับเส้นประสาททำให้เกิดอาการปวดหลัง ได้นะครับ     โรคกระดูกสันหลังเสื่อม อาจจะไม่ทำให้เกิดอาการก็ได้ หรืออาจจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง หากมีการกดทับของเส้นประสาทก็อาจทำให้เกิดอาการปวดร้างลงขา อ่อนแรง ชาขา เดินได้ไม่ไกล นั่งนาน ๆ ไม่ได้ หรือขับรถนาน ๆ ไม่ได้ครับ วิธีรักษา     จะต้องเริ่มจาก หยุดทำงานหนัก หยุดยกของหนัก พยายามลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ มาก ๆ ครับ ทานยาจำพวกลดอาการอักเสบ แก้ปวดเท่าที่จำเป็น ยาแก้ปวดปลายประสาท ยาบำรุงกระดูกหมอนรองกระดูก บริหารยืดเส้น และการรักษาอีก 1 วิธีก็คือ การฉีดยาเข้าโพรงประสาทหลังเพื่อขยายโพรงประสาท ลดอาการอักเสบของเส้นประสาท วิธีนี้ได้ผลดีถึงดีมาก ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง ร้าวลงสะโพกหรือลงขา โดยจะบรรเทาอาการปวดอย่างรวดเร็วครับ โดยอาจจะต้องฉีดต่อเนื่องประมาณ 2-3 เข็มครับ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรงจนปัสสาวะอุจจาระไม่ได้หรืออ่อนแรงจนเดินไม่ได้ หรือไม่ตอบสนองต่อการฉีดยา ถึงจะมีความจำเป็นจะต้องผ่าตัดนะครับ     โดยโอกาสที่จะต้องผ่าตัดมีน้อยมากเลยครับในตำราแพทย์บางเล่มเขียนไว้ว่าน้อยกว่า 10% ของผู้ป่วยปวดหลังครับที่จำเป็นต้องผ่าตัด อ.นพ.กสิสิน กลั่นกลิ่น

ปวดสะโพก ปวดเอว ร้าวลงขา กินยาไม่หาย ทำไงดี

ปวดสะโพก ปวดเอว ร้าวลงขา กินยาไม่หาย ทำไงดี อาการปวดสะโพก ปวดเอว หรือบางครั้งปวดหลัง  ร้าวลงขา เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในทุกเพศทุกวัย โดยอาการของผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมักจะมีอาการอย่างน้อย 1 อาการดังต่อไปนี้ ปวดสะโพกหรือขาข้างเดียว ตลอดเวลา อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลานั่ง อาการปวดขามักเป็นแบบ แปล๊บ ๆ ร้าว ๆ หรือแสบร้อน มีอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง หรือขาชา มีอาการปวดฉับพลันเวลาจะลุกจากที่นอน หรือลุกจากท่านั่ง อาการปวดที่ร้าวบางทีลงไปถึงน่องหรือเท้า อาการเหล่านี้จะเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดและระดับความรุนแรงของโรคที่เป็น ซึ่งสาเหตุของอาการเหล่านี้ที่พบบ่อยได้แก่ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังเคลื่อน โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ หากมีอาการแบบนี้แล้ว กินยาไม่หายทำยังไงดีหล่ะ อันดับแรกลองบริหารร่างกายด้วยวิธียืดเส้นเอ็นง่ายๆ ดูก่อนครับ ทำได้โดยนอนหงาย ไหล่ทั้งสองข้างแนบกับพื้น แล้วบิดขาด้านที่เจ็บข้ามมาอีกด้านพร้อมใช้มือดึงจนรู้สึกว่าเส้นตึง ค้างไว้นับ 1-10 ในใจ แล้วพักทำซ้ำ วันละ 10 รอบ ท่านี้จะช่วยยืดเส้นเอ็นเส้นประสาทได้ดีมากครับ หากบริหารด้วยการยืดเส้นเอ็นแล้วไม่หาย อาจต้องรักษาโดยการฉีดยาแก้อักเสบเข้าโพรงประสาทครับ จุดประสงค์เพื่อลดการอักเสบของระบบเส้นประสาทหลังโดยตรง โดยยาจะมีทั้งที่เป็นแบบสเตียรอยด์และไม่ใช่สเตียรอยด์ครับ ในรายที่เป็นมากอาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำ โดยระยะเวลาในการฉีดห่างกัน 3-6 สัปดาห์ครับ นวัตกรรมในปัจจุบันที่นำมาใช้ในการฉีดยาคือเราจะใช้เครื่องอัลตราซาวน์ในการกำหนดตำแหน่งที่จะฉีด เพื่อให้ทำการฉีดได้อย่างแม่นยำครับ สุดท้ายหากฉีดยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นเลย อาจจำเป็นต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติมด้วยเครื่องเอ็กซ์เรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของเส้นประสาทที่ถูกกดทับครับ การรักษาที่ทันสมัยขึ้นในปัจจุบันทำให้สามารถลดอัตราการผ่าตัดได้มากทีเดียวครับ